โลกปัจจุบันกล่าวได้ว่าเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร
คนในโลกปัจจุบันต้องรับข้อมูลข่าวสารที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ข้อมูลที่รับเข้ามานั้น มีทั้งข้อมูลที่มีประโยชน์และข้อมูลที่ไร้ค่า
บุคคลจึงต้องมีความสามารถไม่เพียงแต่การรับข้อมูลหรือสื่อสารเท่านั้น
แต่จะต้องมีความสามารถในการเลือกสรร คัดกรอง และเข้าถึงข้อมูลที่เป็นจริง
และสามารถเลือกนำข้อมูลสาระมาสู่การสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ตนเอง
การให้การศึกษาเพื่อสร้างความสามารถดังกล่าวให้แก่เด็ก
จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คนได้รับการพัฒนาและพร้อมรับกับการเปลี่ยน
แปลงของโลกที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ผลกระทบต่อเด็กปฐมวัย
โลกแห่งข่าวสารข้อมูลนั้น มีผลกระทบต่อเด็กปฐมวัยหลายประการ ดังนี้
1. การพัฒนาความสามารถในการสื่อสาร ทั้งการรับสารและการส่งสาร ทั้งนี้
มิใช่เฉพาะด้านที่ใช้ติดต่อสื่อสารเท่านั้น
แต่รวมทั้งการรับสารที่มาจากช่องทางที่หลากหลายขึ้นจากเดิม
2. การพัฒนาความสามารถในการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งความรู้ที่หลากหลาย
ซึ่งเด็กจะต้องได้รับการฝึกฝนให้มีทักษะในการสืบค้นในแนวทางต่างๆที่เพิ่ม
ขึ้นจากเดิม ดังนี้
2.1 การรู้จักวิธีสืบค้นด้วยวิธีการต่างๆ
2.2 การแสวงหาข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นจริง
2.3 การรู้จักกลั่นกรองข้อมูลที่ได้รับ
ผู้ใหญ่จะช่วยเตรียมเด็กให้อยู่ในยุคดังกล่าวได้อย่างไร
ผู้ใหญ่มีหน้าที่ในการจัดประสบการณ์ให้เด็กได้เรียนรู้และพร้อมที่จะก้าวไป
สู่สังคมที่มีสภาพแวดล้อมต่างๆได้อย่างมั่นคง ในโลกยุคข่าวสารข้อมูล
เด็กปฐมวัยต้องได้รับการจัดประสบการณ์เพื่อเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการเรียน
รู้ โดยผู้ใหญ่สามารถจัดเตรียมประสบการณ์ให้เด็ก ดังนี้
1. การพัฒนาให้เด็กมีความสามารถด้านการสื่อสารอย่างเต็มที่ในช่วงวัย
โดยเฉพาะการใช้ ภาษาแม่ ( ภาษาไทย )ที่เข้มแข็ง
สามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเข้าใจ
และพร้อมในการรับข้อมูลข่าวสารต่างๆได้อย่างถูกต้องด้วยเช่นกัน
2. การสร้างความคุ้นเคยและรับรู้ภาษาของเด็ก ทั้งวจนภาษา และภาษาสัญลักษณ์ต่างๆ โดยใช้วิธีการสอนภาษาแบบธรรมชาติ ((Whole language)
3. การให้โอกาสและการสนับสนุนให้เด็กใช้วิธีการสืบค้นข้อมูลด้วยวิธีที่หลากหลาย รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีต่างๆที่มีในชีิวิตประจำวัน
เด็กปฐมวัยกับการใช้เทคโนโลยีสื่อสารทางการศึกษา
เทคโนโลยีการศึกษาในความหมายทั่วไป หมายถึงเครื่องมือ
เครื่องใช้ที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิกส์
ซึ่งนำมาใช้ในการสนับสนุนการจัดการศึกษา ได้แก่ คอมพิวเตอร์
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ เครื่องเล่นวีดีทัศน์
เครื่องเล่นและเครื่องบันทึกเสียง กล้องถ่ายภาพดิจิตอล ฯลฯ
และช่วยในการเรียนรู้แบบต่างๆ ซึ่งในปัจจุบัน
เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมากมาย โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่เกี่ยวข้องกับการรับและส่งสารต่างๆ และมีผลต่อการศึกษา
โดยเป้าหมายของการศึกษาได้เพิ่มมิติด้านเทคโนโลยีเข้าไปด้วย
เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีและปรับตัวเข้ากับ
สังคมแห่งเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น หน้าที่ของสังคม ครอบครัว
และครู คือการให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี
ไม่กลายเป็นผู้มีช่องว่างของเทคโนโลยี
ที่มีผลต่อการขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆอย่างทันต่อเหตุการณ์
ในปัจจุบันเด็กปฐมวัย
ได้เจริญเติบโตขึ้นมาในโลกของเทคโนโลยีและได้มีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ใน
สถานศึกษาอย่างแพร่หลาย
ทั้งในแง่ของการใช้เพื่อการจัดการข้อมูลและใช้ในการศึกษา
และที่กล่าวถึงโดยทั่วไป เทคโนโลยีที่นำมาใช้มากกับเด็กปฐมวัยปัจจุบันคือ
คอมพิวเตอร์
ในวงวิชาการ
การศึกษาปฐมวัยได้มีการให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ในเด็ก
ปฐมวัยไว้ทั้งด้านบวกและด้านต่างออกไป
ดังความเห็นของสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้แสดงความคิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กับเด็กปฐมวัยไว้ว่า
แม้จะมีผลงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงผลในเชิงบวกของการใช้เทคโนโลยี
โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ที่ช่วยสนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาการของเด็ก
แต่ขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นว่า การนำคอมพิวเตอร์มาใช้จัดกิจกรรมนั้น
ยังไม่แสดงถึงคุณค่าที่มีต่อการพัฒนาเด็กเทียบเท่ากับกิจกรรมอื่นๆ เช่น
กิจกรรมศิลปะ การเล่นบล็อก เล่นน้ำ เล่นทราย หนังสือ กิจกรรมสมมติ ฯลฯ
ที่จัดอยู่ตามปกติในชั้นเรียนของเด็ก และมีข้อคิดเห็นว่า
ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนา
เด็ก
แต่ก็มีโอกาสที่จะถูกนำไปใช้อย่างไม่เหมาะสมและอาจให้ผลตรงข้ามกับที่คาด
หวังไว้
สิ่งสำคัญในการนำคอมพิวเตอร์มาเป็นกิจกรรมหรือเครื่องมือสำหรับเด็ก คือ
ซอฟแวร์ ที่ต้องมีการเลือกสรรอย่างดี
คัดเลือกที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเรียนรู้และการคิดสร้างสรรค์ ดังนั้น
จึงเสนอแนะว่า นักวิชาการหรือผู้ปฏิบัติงานกับเด็ก
จะต้องใช้ดุลยพินิจอย่างมากในการคัดเลือก ซอฟแวร์ที่มีคุณภาพ
รวมทั้งการใช้วิธีการที่เหมาะสมในการนำคอมพิวเตอร์ไปสู่การเรียนรู้ของเด็ก
และจัดเวลาของการเล่นให้มีความสมดุล
มีลักษณะเช่นเดียวกับเครื่องเล่นชนิดอื่นๆในห้องเรียน
ข้อแนะนำในการนำเทคโนโลยีมาใช้กับเด็กปฐมวัย
เนื่องจากยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาสู่การใช้ในแง่ของการ
เป็นเครื่องมือการเรียนรู้
ที่ผ่านกระบวนการการเล่นเหมือนเครื่องเล่นชนิดอื่นๆ
จึงมีข้อแนะนำในการนำเทคโนโลยีมาจัดประสบการณ์สำหรับเด็ก ดังนี้
1.
การนำเทคโนโลยีมาใช้กับเด็กปฐมวัยนั้นต้องพิจารณาในหลักของความสอดคล้องกับ
หลักการสนับสนุนพัฒนาการของเด็ก และสอดคล้องกับหลักสูตร
ตลอดจนการประเมินผลพัฒนาการตามวัตถุประสงค์การศึกษา
ครูต้องใช้ดุลยพินิจในการนำมาใช้ให้เหมาะสม
คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล และบริบททางสังคมของเด็กด้วย
2. การพิจารณาด้านความเหมาะสมของเทคโนโลยีนั้น จะต้องช่วยพัฒนาการทั้งด้านสติปัญญาและทางสังคมควบคู่กันไป
3. การนำเทคโนโลยีมาใช้ต้องนำมาใช้โดยการบูรณาการกับเครื่องมืออื่นๆ
ในลักษณะของการเป็นสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
และใช้เป็นสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็ก
4. เทคโนโลยีมีความซับซ้อน และมีศักยภาพสูง เช่น คอมพิวเตอร์
ครูจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการนำมาใช้ที่ชัดเจน
คือให้เป็นเสมือนเครื่องมือที่สนับสนุนการเรียนรู้
แต่มิใช่นำมาใช้ในลักษณะของการเป็นบทเรียน หรือ
สาระความรู้ที่ผู้เรียนต้องเรียนอย่างเคร่งเครียด หรือเรียนเป็นระบบ
5. นักการศึกษาปฐมวัยต้องเข้าใจว่า เทคโนโลยีทางการศึกษานั้น
เป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าในการสร้างเสริมการเรียนรู้ของเด็ก
โดยเฉพาะการส่งเสริมช่วงความสนใจ การแก้ปัญหา
และการยอมรับเครื่องมือเครื่องใช้ในโลกปัจจุบัน ดังนั้น
จึงควรให้โอกาสเด็กทุกคนได้เข้าถึงเทคโนโลยี
และรวมทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผู้ปกครองในประเด็นนี้ด้วย
จะเห็นได้ว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้ในเด็กปฐมวัยนั้น มีความจำเป็นอย่างมาก
เนื่องจากโลกปัจจุบันและอนาคต เป็นโลกแห่งเทคโนโลยี
และนับวันจะมีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้น การนำเทคโนโลยีมาสู่เด็ก
จึงมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เด็กได้คุ้นเคย และรับรู้ว่า
เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับเครื่องมืออื่นๆ
ที่เขาสามารถทำความรู้จัก เข้าใจ และใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ได้ ข้อสำคัญ
ครูและผู้ใหญ่จะต้องเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าวและไม่นำเทคโนโลยีโดย
เฉพาะคอมพิวเตอร์มากำหนดเป็นบทเรียนสำหรับเด็ก
รวมทั้งการกำหนดการใช้อย่างเหมาะสมกับเด็กทั้งด้านการเลือกซอฟแวร์
การกำหนดช่วงเวลาและลักษณะของการใช้
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ในด้านการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น